หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อาหารเสริมจำเป็นไหม ?

" ผ่อนคลายด้วยโยคะ "


โยคะ (yoga)

โยคะ .. มิใช่เป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่ง แต่เป็นการฝึกเพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เป็นการเตรียมกายใจให้พร้อมเพื่อเสริมสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ ในการฝึกโยคะผู้ฝึกโยคะทุกคนต้องยึดถือและปฏิบัติโดยเคร่งครัดเพื่อให้สามารถปรับความสมดุลภายในร่างกายและจิตใจที่ดี



โยคะขั้นพื้นฐาน




โยคะ เป็นการสร้างความสมดุลของร่างกาย-จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยรวมให้เป็นหนึ่งเดียวซึ่งการฝึกโยคะจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การออกกำลังกายหรือการฝึกท่าโยคะ การหายใจหรือลมปราณ การทำสมาธิ โดยการฝึกท่าโยคะจะกระตุ้นอวัยวะและต่อมต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานดีขึ้น สุขภาพจึงดีขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับมารดาที่ตั้งครรภ์เป็นอย่างยิ่ง

โยคะพื้นฐานสำหรับมารดาตั้งครรภ์ จึงเป็นส่วนหนึ่งในโครงการตั้งครรภ์คุณภาพ

  ท่าที่ 1
  •  เหยียดขาตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างเท้าที่พื้นแขนเหยียดตรงข้างลำตัว (ให้จิตอยู่ที่นิ้วโป้งเท้า...หายใจเข้าทางจมูกให้ท่องป่องออก) หายใจเข้า
  •  หายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ปลายเท้าซ้ายชี้ลง ปลายเท้าขวาชี้ขึ้น
  •  หายใจเข้าทางจมูก (ท้องป่องออก) ปลายเท้าซ้ายชี้ขึ้น ปลายเท้าขวาชี้ลง (ทำ 10 ครั้ง)
  ท่าที่ 2
  •   นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างเท้าที่พื้นแขนเหยียดตรงข้างลำตัว (ให้จิตอยู่ที่ข้อเท้าซ้าย หายใจเข้าทางจมูกให้ท้องป่องออก)
  •   หายใจออกทางปากอย่างช่า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ให้ดึงข้อเท้าซ้ายเข้าหาตัว มือขวาจับที่ข้อเท้าซ้าย มือซ้ายกอดเข่าซ้ายแน่น
  •   หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ (ท้องป่องออก) เหยียดเท้าซ้ายออก (ทำ 10 ครั้ง) แล้วจึงเปลี่ยนไปทำเท้าขวา (อีก 10 ครั้ง)
 ท่าที่ 3
  •  นั่งโดยเอาฝ่าเท้าประกบกัน เข่าสองข้างแยกออก (ให้จิตอยู่ที่หัวเข่า กายใจเข้าทางจมูก ให้ท้องป่องออก)
  •  หายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ (ท้องแฟบเข้า) ให้ใช้มือทั้งสองข้างช้อนเข่ามากอดไว้
  •  หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ (ท้องป่องออก) ให้เอามือทั้งข้าง กดหัวหัวเข่าลงให้มากที่สุด (ทำ 10 ครั้ง)
  ท่าที่ 4
  •  นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้าหลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือหงายขึ้น (ให้จิตอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือ หายใจเข้าทางจมูก ให้ท้องป่องออก)
  •  ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ กำมือให้แน่น โดยให้นิ้วทั้ง 4 กำหัวแม่มือไว้
  •  หายใจเข้าทางจมูกให้แบมือออก (ทำ 10 ครั้ง )
  ท่าที่ 5
  •  นั่งเหยียดขาตรงไปข้างหน้าหลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างคว่ำลง (ให้จิตอยู่ที่ข้อมือ หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท้องป่องออก)
  •  ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ พร้อมกับคว่ำมือซ้ายลง กระดกมือขวาขึ้นข้อมืออยู่คู่กัน
  •  หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ คว่ำมือขวาลง กรดกมือซ้ายขึ้นข้อมืออยู่คู่กัน (ทำ 10 ครั้ง)
  ท่าที่ 6
  •  นั่งขัดสมาธิ หลังตรงแขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า มือ 2 ข้างหงายขึ้น (ให้จิตอยู่ที่ข้อศอก หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท่องป่องออก)
  •  ผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างช้า ๆ พร้อมกับยกมือขวาไปแตะด้านหลังให้ลึกที่สุด มือซ้ายเหยียดตรงอย่างเดิม
  •  หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ พร้อมกับยกมือซ้ายไปแตะด้านหลังให้ลึกที่สุด มือขวากลับมาเหยียดตรงอย่างเดิม (ทำ 10 ครั้ง)
  ท่าที่ 7
  •  นั่งขัดสมาธิ หลังตรง มือ 2 ข้างจับที่หัวไหล่ (ให้จิตอยู่ที่หัวไหล่ หายใจออกทางจมูกอย่างช้า ๆ ให้ท้องแฟบเข้า)
  •  หายใจเข้าท้องป่องออกมือแตะที่หัวไหล่ หนีบข้อศอกลงแนบกับลำตัว
  •  หายใจออกมือยังแตะที่หัวไหล่ ยกศอกขึ้นหลังมือแนบใบหู (ทำ 10 ครั้ง)
 ท่าที่ 8
  •  ต่อจากท่าที่ 7 มือแตะที่หัวไหล่ หมุนข้อศอกไปข้างหน้า 10 ครั้ง
  •  มือแตะที่หัวไหล่ หมุนข้อศอกไปข้างหลัง 10 ครั้ง (ท่านี้หายใจปกติ


โยคะแก้ปวดเมื่อยคนทำงาน





1.ท่าเงยคอ-ก้มคอ
วิธีทำ - นั่งตัวตรง ยืดกระดูกสันหลัง หายใจเข้า เงยคอ ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ไหล่รับน้ำหนักของศีรษะ หายใจออก ก้มคอช้าๆ โดยไม่ก้มไหล่ กลับคืนสู่ท่าตรง ทำ 3 ครั้ง

2.ท่าหันคอซ้าย-ขวา
วิธีทำ  ? หายใจเข้า อยู่ในท่าตรง หายใจออก หันคอไปทางซ้าย ตามองไปข้างหน้า พยายามให้คางตรงกับไหล่ซ้าย กลับคืนท่าตรง สลับข้าง หายใจเข้า อยู่ในท่าตรง หายใจออก หันคอไปทางขวา ตามองไปข้างหน้า พยายามให้คางตรงกับไหล่ขวา กลับคืนสู่ท่าตรง ทำ 3 ครั้ง

3.ท่าเอียงคอ-ซ้ายขวา
วิธีทำ ? หายใจเข้าอยู่ในท่าตรง หายใจออก เอียงคอทางซ้ายให้ตึงคอทางขวา กลับคืนท่าตรง สลับข้าง หายใจเข้าอยู่ในท่าตรง หายใจออกเอียงคอทางขวาให้ตึงคอทางซ้าย กลับคืนท่าตรง ทำ 3 ครั้ง

4.ท่ายกไหล่ 2 ข้าง
วิธีทำ ? นั่งตัวตรง ยืดกระดูกสันหลัง แขนสองข้างผ่อนคลาย หายใจเข้า ยกไหล่ 2 ข้าง หายใจออก ลดไหล่ลง ทำ 3 ครั้ง
ประโยชน์ที่ได้ ? บำบัดและป้องกันปัญหาอันเกิดจากการทำงานนั่งโต๊ะที่เมื่อยล้า เพื่อป้องกันการเกิดหินปูนที่กระดูกคอและข้อต่อไหล่ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาไขข้ออักเสบ

5.ท่าวีรบุรุษ
วิธีทำ ? เป็นการยืดกระดูกสันหลัง นั่งขัดสมาธิ ลำตัวตรง นิ้วมือทั้ง 5 ประสานกัน กลับฝ่ามือออกจากลำตัว หายใจเข้า ค่อยๆ ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยืดกระดูกสันหลัง หยุดลมหายใจ 3 วินาที หายใจออก ลดแขนลงช้าๆ กลับสู่ท่าเริ่ม ทำ 3 ครั้ง

- นั่งสมาธิหลังตรง หายใจเข้า แขนเหยียดตรงเหนือศีรษะ หายใจออก เอียงตัวทางซ้ายจนตึงลำตัวด้านขวา กลับคืนท่าตรง สลับทำอีกข้าง ทำ 3 ครั้ง

ประโยชน์ที่ได้ ? ป้องกันหินปูนเกาะกระดูกคอ แก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรม ช่วยยืดกระดูกสันหลังให้ตรง ป้องกันอาการไหล่ติด เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการหายใจ ขณะนั่งบนเก้าอี้ในที่ทำงานพยายามนั่งตัวตรง ไม่พิงพนักเก้าอี้ หรือฝึกที่บ้านไม่สามารถนั่งขัดสมาธิได้ ควรเปลี่ยนเป็นท่านั่งทับส้นเท้าแบบญี่ปุ่นก็ได้

6.ท่ากลอกตาและพักสายตา
วิธีทำ ? กลอกตาไปตามทิศทางคือ ซ้าย-ขวา บน?ล่าง และแนวทแยง หมุนตาตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาเป็นวงกลม ทำแบบละ 3-5 รอบ หลังจากนั้นถูฝ่ามือให้ร้อนหลายๆ ครั้ง ปิดตา และใช้ฝ่ามือประคบเปลือกตาเบาๆ นับในใจ 1 2 3 ปล่อยมือ ทำ 3 ครั้ง

ประโยชน์ที่ได้ ? ป้องกันกล้ามเนื้อตาเสื่อม ตาต้อ ช่วยถนอมสายตา



อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B0

            http://www.kroobannok.com/blog/19025

.. แนะวิธีนวดฝ่าเท้า เลิกบุหรี่ลดไมเกรน ..


 แนะวิธีนวดฝ่าเท้า เลิกบุหรี่ลดไมเกรน



        หมอนวดเท้าแนะวิธีนวดกดจุดสำหรับคนอยากเลิกสูบบุหรี่ เผยเป็นศาสตร์ปรับสมดุลในร่างกาย ทำได้เองที่บ้าน นวดเพียง 5 ครั้งเริ่มเห็นผล กลับมาสูบอีกรู้สึกขม-เหม็นบุหรี่ เตรียมร่วมมือ รพ.รามาฯ เปิดให้บริการ
นายธนัท ดลอัมพรพิศุทธิ์ หมอนวดเท้า และประธานชมรมพัฒนาสุขภาพชุมชนเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่า นวดเท้ากดจุดสามารถเลิกบุหรี่ได้โดยใช้ศาสตร์การนวดกดจุดสะท้อนเท้าที่เป็นศาสตร์ของจีน หรือที่เรียกอีกชื่อว่า แพทย์ทางเลือกช่วยเลิกบุหรี่ ที่สามารถทำเองได้ภายในครอบครัว การนวดจุดที่เท้าจะทำให้กระตุ้นการทำงานของจมูก ลำคอ ปอดและการรับรู้กลิ่น การนวดในตำแหน่งต่างๆ ที่เท้าจึงสามารถวินิจฉัยได้ว่า ส่วนใดของร่างกายเกิดความไม่สมดุล และจะไปปรับการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์
       นายธนัทกล่าวว่า การนำศาสตร์นี้มาประยุกต์ใช้กับผู้ต้องการเลิกบุหรี่นั้นเริ่มพิจารณาจากที่เราเห็นว่า สารนิโคติน เป็นสารหลักที่จะไปกระตุ้นการทำงานของสมองให้หลั่งสารเคมีออกมา เมื่อหลั่งสารเคมีออกมาแล้วจะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยๆ จะเห็นว่ามีความต้องการเพิ่มปริมาณสารนิโคตินมากขึ้นเรื่อยๆ พิษของบุหรี่จะเข้าไปทำลายอวัยวะต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า การนวดช่วยกระตุ้นให้อวัยวะแข็งแรง เช่น ระบบการหายใจ ระบบการรับรู้กลิ่น เมื่อคนติดบุหรี่ได้รับการนวดประมาณ 5 ครั้ง เมื่อกลับมาสูบอีกครั้งจะมีรสชาติขมและสัมผัสได้ถึงกลิ่นเหม็นทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่
  “เมื่อสูบบุหรี่แล้วมีรสขม ก็จะทำให้คนที่มีใจอยากเลิกบุหรี่ก็สามารถทำได้อย่างแน่นอน นอกจากจะทำให้เลิกบุหรี่ได้แล้วยังช่วยลดอาการเครียด นอนไม่หลับ ไมเกรน หรือผู้หญิงมีบุตรยากเพราะมีปัญหาทางระบบสืบพันธุ์ การนวดกดจุดสะท้อนเท้าจะไปกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ ที่สัมพันธ์กับร่างกายกลับมาทำงานได้ดี

ประธานชมรมพัฒนาสุขภาพชุมชนฯ ระบุว่า จุดที่ควรนวดเลิกบุหรี่คือ
1.ด้านบนนิ้วโป้งที่ติดกับนิ้วชี้
2.อยู่ที่ปลายเท้าของทุกนิ้ว
3.โคนด้านในของนิ้วโป้งที่ติดกับนิ้วชี้
4.ในสี่เหลี่ยมด้านนอกทั้งบนและล่างของนิ้วโป้ง
5.ด้านข้างด้านในของนิ้วโป้งที่ติดกับนิ้วชี้
6.ด้านข้างด้านนอกของนิ้วโป้ง
7.บริเวณข้องอหรือข้อพับของนิ้วโป้ง
8.บริเวณเนินเนื้อใต้นิ้วทั้ง 4 นิ้ว
9.ระหว่างร่องนิ้วโป้งและร่องนิ้วชี้
10.ระหว่างร่องนิ้วโป้ง และร่องนิ้วชี้จะอยู่บริเวณโคนนิ้วโป้ง

นอกจากการนวดกดจุดไม่ใช่เพียงเพื่อช่วยเลิกบุหรี่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการฟื้นฟูสร้างเสริมสุขภาพหลังจากที่เลิกบุหรี่แล้วอีกด้วย
จากการทดลองให้ผู้ติดบุหรี่ที่ยังไม่ต้องการเลิกบุหรี่กดจุดสะท้อนเท้า พบว่าเมื่อนวดเท้าไป 15 ครั้งทำให้ความอยากบุหรี่ลดน้อยลง 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในการทดลองจะไม่บอกว่านี่คือวิธีการนวดเลิกบุหรี่ แต่เมื่อการนวดผ่านไปให้กลุ่มผู้ทดลองกรอกแบบสอบถาม ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าอาการอยากสูบบุหรี่ลดลง ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการนวดเลิกบุหรี่จำนวน 11 คน และมี 7 คนที่นวดกดจุดเพียง 10 ครั้ง ก็สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้เด็ดขาดนายธนัทกล่าว และว่า เปิดให้บริการ ณ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ม.มหิดล ในเร็วๆ นี้จะร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการจัดโครงการนวดเลิกบุหรี่อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแพทย์ทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเลิกบุหรี่.


อ้างอิง:http://naelkung.wordpress.com/2012/06/05/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%9D%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%B2/

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

" หัตถบำบัด - การนวดเพื่อสุขภาพ "


นวดให้ผอม กินให้เผาผลาญ เคล็ดลับหุ่นสวยสมส่วน





      เรื่องของรูปร่างและสุขภาพ คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกเพศทุกวัยให้ความใส่ใจ และส่งผลให้เกิดเทรนด์การดูแลรูปร่างและการกินเพื่อสุขภาพขึ้นหลายรูปแบบ
     เทคนิคการลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นต้องอดอาหาร หรือพึ่งพาศัลยกรรม เพียงแต่ยึดหัวใจหลัก 2 ข้อ นั่นคือการรับประทานอาหารอย่างถูกวิธีหรือที่เรียกว่า โภชนาการบำบัดและการนวดเพื่อให้เรือนร่างเข้ารูปทรงหรือ การปั้นแต่งเรือนร่างให้สวยเหมาะสม
     นวดให้ผอม เคล็ดลับเฉพาะอยู่ที่เทคนิคการนวดละลายไขมัน เป็นการนวดตามแนวกล้ามเนื้อ การไหลเวียนของโลหิต และน้ำเหลือง ช่วยให้ไขมันแตกตัว พร้อมจะนำไปเผาผลาญ คือ ทั้งยังช่วยผลักดันเนื้อที่เป็นส่วนเกินให้กลับเข้าที่ ทำให้รูปร่างมีส่วนโค้งส่วนเว้า ผิวพรรณสดใส และยังช่วยให้ทรวงอกอวบอิ่มขึ้นได้ด้วย โดยการนวนนั้นควรได้รับการนวดบ่อยครั้งในช่วงแรก แล้วจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหากนวดประมาณ 3-4 ครั้งภายใน 2 สัปดาห์
     กินให้เผาผลาญ การรับประทานอาหารที่ถูกวิธีไม่ใช่การอดอาหารหรือรับประทานแบบนับจำนวนแคลอรี่ แต่ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ระบบย่อยของอาหารแต่ละประเภท และรับประทานอาหารให้ครบ 6 หมู่ ในจำนวนที่เหมาะสมตามสัดส่วนการใช้งาน โดยเน้นให้มีปริมาณโปรตีนถึงระดับ เพราะหากน้อยไปอาจส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้ไม่เต็มที่ เช่น มื้อเช้าควรรับประทานโปรตีนประมาณ ? ฝ่ามือ มื้อกลางวัน ? ฝ่ามือ มื้อเย็น 1 ฝ่ามือ หรือหากอยากรับประทานขนมเค้ก ก็เพียงตัดข้าวออกไปครึ่งหนึ่ง เพื่อแทนที่กัน เป็นต้น โดยหลักการนี้เรียกว่า บาลานซ์ ฟู้ดหรือรับประทานให้สมดุลกับการที่ร่างกายจะนำไปใช้ และไม่เกิดการสะสม คือไปอ้วนนั่นเอง




รูปแบบการนวดแผนโบราณ
รูปแบบการนวดแผนโบราณเป็นกระบวนการดูแลสุขภาพอย่างหนึ่ง โดยอาศัยการสัมผัสอย่างมีหลักการ และประกอบด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น สถานที่สะอาดสะอ้านสร้างความรื่นรมย์และผ่อนคลายให้ผู้ที่ไปนวด ทั้งนี้สามารถแบ่ง รูปแบบการนวดแผนโบราณ ได้ดังนี้

 การนวดแผนโบราณ-เพื่อการผ่อนคลาย 
เป็นการนวดที่ถูกสุขลักษณะตามแบบฉบับของ "การนวดแผนไทยโบราณ" ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อร่างกายและจิตใจ คือ  ตั้งแต่ทำให้เกิดการไหลเวียนของเลือดลม คลายกล้ามเนื้อที่ตึงล้า รักษาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย คลายเครียด เคล็ดขัดยอก ช่วยให้สุขภาพกระปรี้กระเป่า จิตใจผ่อนคลาย


การนวดแผนโบราณ-การนวดตัว
อาจแบ่งออกเป็นแบบ การนวดยืดตัว การนวดแบบจับเส้น การนวดแบบกดจุด เป็นการนวดเพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อยเฉพาะจุด หรือตามข้อต่อ การยึดติดของพังผืดในร่างกายให้ทุเลา

การนวดแผนโบราณ-การนวดน้ำมัน

เป็นการนวดโดยใช้น้ำมันสมุนไพรชโลมร่างกาย แล้วใช้เทคนิคการรีดไล้เส้น ความร้อนจากน้ำมันสมุนไพรซึมซาบเข้าผิวหนังและไปถึงกล้ามเนื้อ ช่วยให้รู้สึกเบาสบายตัว จะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดและทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานดีขึ้น บรรเทาอาการนอนไม่หลับ น้ำมันบริสุทธิ์ยังช่วยบำรุงผิว และกระชับรูปร่างไม่ให้กล้ามเนื้อหย่อนยาน ช่วยสลายไขมันไม่ให้สะสมตามที่ต่าง ๆ ของร่างกาย

การนวดแผนโบราณ-การนวดฝ่าเท้า/นวดเท้า

เป็นการนวดเพื่อปรับสมดุลในร่างกาย เนื่องจากมีจุดสะท้อนของอวัยวะภายในร่างกายที่ฝ่าเท้าและเท้า การนวดฝ่าเท้าและเท้าจึงเป็นการช่วยให้ระบบการไหลเวียนไปยังอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ดีขึ้น ส่งผลให้มีการขับถ่ายของเสียออกจากเซลล์ปรับสภาวะสมดุลของร่างกาย ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น การนวดฝ่าเท้ายังแบ่งออกเป็นการนวดเท้าด้วยมือ การนวดเท้าด้วยไม้กดจุด การนวดเท้าด้านในด้านนอกด้วยมือ การนวดหลังเท้า การใช้ไม้กดจุดต่าง ๆ  การนวดบริเวณเข่า การนวดหน้าแข้งและน่อง การนวดนิ้วเท้า การกระตุ้นเท้าช่วงสุดท้าย และการกระตุ้นเท้าก่อนแกะผ้าพันเท้าออกและเช็ดด้วยครีม

การนวดแผนโบราณ-การนวดแบบสปอร์ต
เป็นการนวดเพื่อคล้ายกล้ามเนื้อที่บาดเจ็บเนื่องจากการออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป ทำให้เกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน หรืออาการล้าตามกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดตะคริว คอร์สนวดคลายเส้นแบบนักกีฬา

การนวดแผนโบราณ-การนวดเพื่อการรักษา
สำหรับรักษาหรือบรรเทาปัญหาสุขภาพ เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ เป็นต้น มักใช้การนวดด้วยน้ำมันรักษาโรคแล้วตามด้วยการประคบสมุนไพร หากเป็นสมุนไพรสดจะให้สรรพคุณที่ดีกว่าสมุนไพรแห้ง แต่ส่วนใหญ่จะใช้ลูกประคบสำเร็จรูปซึ่งเป็นสมุนไพรแห้งหลายชนิดมาโขลก แล้วห่อผ้าทำเป็นลูกประคบจากนั้นนึ่งด้วยความร้อนแล้วนำไปประคบตามร่างกาย

a98การนวดแผนโบราณ-การนวดแบบทั่วไป  (นวดเชลยศักดิ์)
หมายถึงการนวดโดยวิธีของสามัญชนในสมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบันที่ได้รับการฟื้นฟูให้เป็นที่นิยมโดยทั่วไป ก่อนเริ่มต้นนวด หมอจะต้องพนมมือเพื่อไหว้ครูเสียก่อน ในขณะที่ผู้ป่วยนอนอยู่กับพื้น หลังจากนั้นหมอจึงเริ่มต้นนวด จากเท้าขึ้นไปที่หัวเข่า ไปสู่โคนขาและนวดท้อง หลัง ไหล่ ต้นคอและศีรษะ

การนวดแผนโบราณ-การนวดแบบราชสำนัก
เป็นการนวดเพื่อถวายกษัตริย์และเจ้านายชั้นสูงในราชสำนัก ผู้นวดต้องเดินเข่าเข้าไปหาผู้ป่วย ซึ่งนอนอยู่บนพื้น เมื่ออยู่ห่างจากผู้ป่วยไม่น้อยกว่า 4 ศอก จนห่างจากผู้ป่วยราว 1 ศอก จึงนั่งพับเพียบและคารวะขออภัยผู้ป่วยโดยการไหว้หรือการกราบ หลังจากนั้นผู้นวดจะคลำชีพจรที่ข้อมือและหลังเท้าข้างเดียวกันเพื่อตรวจดูอาการของโรค โดยพิจารณาจาการเต้นของชีพจรทั้งสองแห่ง ที่เรียกว่า "ลมเบื้องสูงและลมเบื้องต่ำ" เสียก่อนว่าเสมอกันหรือไม่ แล้วจึงเริ่มทำการนวดที่ต้องเน้นความสุภาพอย่างมาก

อ้างอิง http://www.holyofholies.net/holy%20tips/health.htm
http://www.spamassagethai.com/massagecage1/115-articlemassage115.html