อาหารเสริมจำเป็นไหม ?
กระแสความตื่นตัวของอาหารเสริมแพร่หลายไปทั่ว
คนจำนวนมากหันมาเพิ่มพลังให้ร่างกายด้วยการกินอาหารเสริม
เพราะมีให้เลือกทานอย่างมากมาย
ทำไมต้องกินอาหารเสริม วิตามินที่นิยมกันมาก
คือสารในกลุ่มที่เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนต์ ได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี
และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารที่พร้อมเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ซึ่งพบมากในแครอต
แคนตาลูป มะเขือเทศ และบร็อกโคลี่ โดยคนส่วนใหญ่เชื่อว่าสารแอนตี้ออกซิแดนต์จะช่วยในการขจัดอนุมูลอิสระที่เป็นตัวสร้างให้เกิดความเสื่อมขึ้นกับเซลล์เนื้อเยื่อและเป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพตามมามากมาย
รวมทั้งอาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้
โดยมีการค้นพบว่าอาหารที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีน จะช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งที่ปอด
ลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก และปากมดลูก
สาเหตุที่วิตามินและอาหารเสริมเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้
สาเหตุหลักมาจากปรากฏการณ์รักสุขภาพ ที่หมายรวมถึงสุขภาพร่างกายและใจ
ยิ่งผลิตภัณฑ์ตัวไหนมีคนดังเป็นพรีเซ็นเตอร์สนับสนุนด้วยแล้ว
ยอดขายจะยิ่งพุ่งสูงขึ้นทันที และดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ที่ชื่นชอบและหันมากินวิตามิน
แร่ธาตุ
และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นเป็นเพราะช่วยให้รู้สึกว่าเป็นการลดความเสี่ยงต่อโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงต้องการกินวิตามิน และพร้อมจะทดลองตัวใหม่ๆ ต่อไป
กินเกินความจำเป็นหรือไม่
รายงานจากการวิจัยยืนยันว่าผู้ที่กินอาหารเสริมเป็นประจำมักจะกินอาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่เพียงพออยู่แล้ว
และมากกว่าผู้ไม่ได้กินอาหารเสริม
เนื่องจากผู้คนมักกังวลว่าจะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากอาหารที่กินเป็นประจำ
ดังนั้นจึงเพิ่มสารอาหารด้วยการกินวิตามินรวม
เป็นไปได้ว่าทุกวันนี้นเราอาจบริโภคอาหารเสริมกันเกินความจำเป็น เช่น
การกินน้ำมันตับปลาชนิดที่เสริมด้วยวิตามินเอ และวิตามินดี หรือกินวิตามินอี
ร่วมกับแร่ธาตุเสริมอีกหลายชนิดหรือสารสกัดจากชาเขียว เป็นต้น
นักโภชนาการไม่วิตกในเรื่องที่คนส่วนใหญ่อาจจะบริโภควิตามินและสารเสริมอาหารในจำนวนที่มากกว่าปริมาณที่กำหนดถึงร้อยละ
200 ในแต่ละวัน
แต่ในกรณีที่มากเกินกว่านั้นจะทำให้เรามีน้ำปัสสาวะที่ราคาแสนแพงทีเดียว
มีการศึกษาถึงการวัดปริมาณการขับถ่ายวิตามินซีในร่างกายพบว่า
ในปริมาณ 100 มิลลิกรัม ร่างกายจะดูดซึมวิตามินซีไว้ได้ถึงร้อยละ 80
ในขณะที่ความสามารถในการดูดซึมอยู่ที่ร้อยละ 46 ต่อปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม
โดยทั่วไปสภาวะของร่างกายจะจำกัดปริมาณการนำเข้าของสารอาหารต่างๆ
โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบริโภคเกินกว่าความต้องการของร่างกาย
ควรบริโภคอย่างไร
วิตามินที่ละลายในไขมันคือ วิตามินเอ ดี อี
และเค เป็นวิตามินที่ร่างกายสามารถสะสมในร่างกายได้ ควรกินร่วมกับอาหารที่มีไขมัน
หรือหลังอาหาร เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ในปริมาณสูงสุด
แต่สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกที่จะกินในรูปของยาเม็ดหรือมีปัญหาเรื่องระบบย่อยหรือการดูดซึม
อาจหันมาใช้วิธีฉีด หรือพ่นสเปรย์ วิตามินเอ ดี และอี ควรกินแค่วันละมื้อก็พอ
ส่วนวิตามินที่ละลายในน้ำอย่างเช่น วิตามินบีรวม (ยกเว้นวิตามินบี 12) และวิตามินซี
เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่อาจสะสมไว้ใช้ได้ สามารถกินได้ทุก 4-6 ชั่วโมง
หรือจะกินแค่วันละมื้อก็ได้ แต่ไม่ควรกินร่วมกับยาปฏิชีวนะ
และแอลกอฮอล์เพราะจะไปยับนั้งการดูดซึม
นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้ร่างกายไม่อาจดูดซึมวิตามินประเภทนี้ไปใช้งานได้อีกด้วย
ควรคำนวณให้เหมาะสมกับปริมาณที่ร่างกายต้องการและไม่ควรกินเกินความจำเป็น
การกินวิตามินร่วมกันหลายๆ อย่างหรือเป็นระยะเวลานานๆ
อาจทำให้ได้รับวิตามินบางตัวมากเกินโดนไม่รู้ตัว
ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร กินอย่างสมดุล มีการค้นพบสารอาหารต่างๆ มากกว่า
100 ชนิด และกำลังถูกค้นพบมากขึ้นทุกวัน
ถึงแม้ว่าสารเหล่านี้จะไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตโดยตรง
แต่ก็มีผลให้การทำงานของร่างกายเป็นไปด้วยดี
และเป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ดังนั้นการกินอาหารที่หลากหลาย
และได้สมดุลจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้วิตามิน เกลือแร่
และสารอาหารกึ่งจำเป็นเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
เนื่องจากทั้งเส้นใยอาหาร ไขมัน โปรตีน และเอนไซม์ต่างๆ
ในอาหารจะช่วยดูดซึมวิตามินได้อย่างดี ในอาหารแต่ละมื้อ
หนึ่งในสามส่วนควรเป็นผักหรือผลไม้ อีกหนึ่งในสามควรเป็นอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต
ซึ่งอาจเป็นข้าว ขนมปัง อาหารประเภทเส้น เช่น ก๋วยเตี๋ยว พาสต้า สปาเกตตี้ เป็นต้น
สำหรับหนึ่งในสามส่วนสุดท้ายควรเป็นปลาหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ
และทางที่ดีควรกินอาหารให้มีความหลากหลาย จึงจะได้ประโยชน์มากกว่า